9 ต.ค. 2014
วันนี้ตื่นสายกันนิดหน่อย เนื่องจากยังไม่สร่างเมา บวกกับรอส่งเพื่อนญี่ปุ่นขึ้นรถไฟกลับโตเกียว
ทำให้กว่าจะเริ่มเดินทางก็ปาไป 11 โมงแล้ว
เป้าหมายในวันนี้เป็น Nagasaki
เลือกไว้เป็นวันสุดท้ายที่มาเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ไป Hiroshima ดูพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วหดหู่เอามากๆ
กะว่าถ้ามันหดหู่หมดอารมณ์เที่ยวจะได้ไม่กระทบแผนนัก
วันที่ไปเป็นวันสุดท้ายของเทศกาล Kunchi (くんち) http://www.nagasaki-kunchi.com/
เข้าใจว่าต้องจองตั๋วล่วงหน้า แต่ก็จะมีจัดแสดงบางส่วนหน้าสถานีรถไฟ แต่เจ้าของ Blog ไม่รู้เวลาแน่นอนเข้าใจว่ามีถึงแค่ช่วงเที่ยงในวันสุดท้าย
สถานี JR Nagasaki
เข้าใจว่าจะมีจัดแสดง
หยุดเรื่องเทศกาลไว้ก่อน ไปตามแผนต่อดีกว่า
ออกเดินทางขึ้นรถรางไปยังที่หมายเลย
ถึงเป้าหมายวันนี้แล้ว
เข้าไปดูกันเลย
ซากสิ่งก่อสร้างที่บิดเบี้ยวจากความร้อนและแรงระเบิด
จำลองโบสถ์ที่พัง แต่รูปนักบุญกับรอดมาได้
ภาพถ่ายทางอากาศก่อนและหลังระเบิดลง
ภายในพิพิธภัณฑ์
Nagasaki city peace hall
ด้านในมีภาษาไทยด้วย แต่ของที่แสดงไม่น่าสนใจอะไร ข้ามไปเลยก็ได้
เด็กๆมาทัศนศึกษากันเต็มไปหมด
มายังจุดที่ระเบิดตก
ซากประตูโบสถ์ที่รอดจากแรงระเบิดถูกย้ายมาตั้งไว้
เดินต่อมายัง Nagasaki peace park แดดแรงมากวันนี้
โดยรวม Hiroshima เศร้ากว่าเยอะ
ดูจนจบอดน้ำตาซึมไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าญี่ปุ่นเองก็โหดร้ายไม่แพ้กัน
มาหาอะไรกินรองท้องใกล้ๆที่ Dejima Wharf
เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาล Kunchi มีแผงขายอาหารเต็มไปหมด
อุดหนุนสักหน่อย
แวะทาน Champon เป็นอาหารที่ชาวจีนคิดขึ้นมาให้คล้ายอาหารบ้านเกิด
กินเสร็จเจอขบวนแห่พอดี
มีไอติมรถเข็นด้วย 100เยนเท่านั้น
เดินมายัง Dejima เดิมเป็นส่วนที่ถมไปในทะเลเป็นบริเวณที่ให้ชาวDutchมาอาศัยอยู่ได้ในช่วงปิดประเทศ ปัจจุบันเมืองขยายจนไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาก็เลยพยายามสร้างขึ้นมาใหม่ บนพื้นที่เดิม
สภาพ Dejima เมื่อก่อนเป็นเกาะรูปพัดยื่นไปในทะเล
ปัจจุบันทะเลโดนกลบไปแล้ว
เดินเสร็จก็ได้เวลากลับ Hakata พรุ่งนี้ก้เดินทางกลับแล้ว หวังว่าคงมีโอกาสได้มาใหม่นะ Kyushu
วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557
Mini trip Kyushu : ครั้งแรกกับเมนูปลาปักเป้า
จาก Amano Iwato ก็ตรงกลับไปยัง Kumamoto
โดยขากลับนี้กลับอีกเส้นทางนึงที่ไม่ได้ผ่าน Aso
แวะจุดพักระหว่างทาง
มีแสดงหุ่นเชิดด้วย แต่ตอนที่ไปถึงไม่มีรอบแสดง เลยอดดู
มาถึง Kumamoto บ่ายกว่าๆ
เลยเดินหาอะไรรองท้อง สุดท้ายตัดสินใจกินชาบู แต่เป็น"ชาบูเนื้อม้า"
กินเสร็จดูเวลายังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรกว่าจะถึงเวลาคืนรถ
เลยมาเดินเล่นที่สวน Suisenji
แวะถ่ายรูปกับ Kumamon ซะหน่อย อย่างกับพี่น้องกันเลย
กลับมาถึง Hakata หลังจาก check in เอากระเป๋าฝากโรงแรม ก็ได้เวลาของสิ่งที่รอมานาน
อยากกิน ปลาปักเป้ามานานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสลองก็วันนี้แหละ
โดยปลาปักเป้าที่นิยมกินกันจะเป็น ปลาปักเป้าเสือ หรือ Tora Fugu
เดินมาถึงร้านเป้าหมายแล้ว
ถ้วยน้ำจิ้มยังเป็นรูปปลาปักเป้าเลย
โชจู สักหน่อย ทางร้านแนะนำมา
ของกินเล่น
จานหลักมาแล้ว ปลาปักเป้าแล่บางๆ เวลากินให้ห่อคีบกับเครื่องเคียงแล้วจิ้มน้ำจิ้ม
ตรงกลางเป็นหนังปลาปักเป้า กรุบๆอร่อย
รสชาติ เนื้อสัมผัส Texture ดีทีเดียว ไม่คาว รสออกไปทางจืด
อันนี้อร่อยมากไข่ตุ๋นใส่หนังปลาปักเป้า พูดแล้วน้ำลายไหล
ปลาปักเป้าทอด รสเหมือนไก่ทอดมากๆ ไม่บอกไม่เห็นก้างไม่เห็นกระดูกนีแทบไม่รู้เลย
หม้อไฟปลาปักเป้า
น้ำซุปที่เหลือเนื้อที่เหลือเอาไปทำเป็นข้าวต้ม อร่อย
เมนูเสริม ปลาหมึก สดมากๆเม็ดสีที่ตัวปลาหมึกยังทำงานอยู่เลย
ส่วนที่กินเหลือก็เอาไปผัด เหมาะเป็นกับแกล้มมากๆ
ความรู้สึกกับการกินปักเป้าครั้งแรก ก็อร่อยอยู่แต่ก็ไม่ได้อร่อยพิเศษ
เนื้อรสชาติคล้ายๆไก่ ค่อนข้างจืดมาก ใครกินรสจัดคงไม่ชอบ
ข้อดีคือไม่คาว ใครไม่ชอบกลิ่นคาวปลากินได้สบายๆแน่นอน
กินแบบปลาดิบ กรุบกรับ อร่อย เข้ากับเครื่องเคียง กินสุกนี่แทบไม่ต่างจากไก่ กินไก่ถูกกว่า
ถ้าถามว่าถ้ามีโอกาสจะกินอีกไหม บอกเลยว่ากินแน่นอน แต่ไม่ถึงขนาดที่ต้องไปขวนขวายหาทางกิน
โดยขากลับนี้กลับอีกเส้นทางนึงที่ไม่ได้ผ่าน Aso
แวะจุดพักระหว่างทาง
มีแสดงหุ่นเชิดด้วย แต่ตอนที่ไปถึงไม่มีรอบแสดง เลยอดดู
มาถึง Kumamoto บ่ายกว่าๆ
เลยเดินหาอะไรรองท้อง สุดท้ายตัดสินใจกินชาบู แต่เป็น"ชาบูเนื้อม้า"
บรรยากาศภายในร้าน |
เนื้อแดงอมชมพูสมกับที่ได้ชื่อเป็น Sakura meat จริงๆ |
กินเสร็จดูเวลายังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรกว่าจะถึงเวลาคืนรถ
เลยมาเดินเล่นที่สวน Suisenji
แดดแรงมาก |
มีศาลเจ้าเล็กๆด้วย |
แวะถ่ายรูปกับ Kumamon ซะหน่อย อย่างกับพี่น้องกันเลย
Kumamon mascot ชื่อดังของ Kumamoto |
กลับมาถึง Hakata หลังจาก check in เอากระเป๋าฝากโรงแรม ก็ได้เวลาของสิ่งที่รอมานาน
อยากกิน ปลาปักเป้ามานานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสลองก็วันนี้แหละ
โดยปลาปักเป้าที่นิยมกินกันจะเป็น ปลาปักเป้าเสือ หรือ Tora Fugu
เดินมาถึงร้านเป้าหมายแล้ว
หน้าร้าน |
ถ้วยน้ำจิ้มยังเป็นรูปปลาปักเป้าเลย
โชจู สักหน่อย ทางร้านแนะนำมา
3คนหมดขวด 40ดีกรี ไหนจะเบียร์อีก กินเสร็จแทบเดินเซ |
ของกินเล่น
จานหลักมาแล้ว ปลาปักเป้าแล่บางๆ เวลากินให้ห่อคีบกับเครื่องเคียงแล้วจิ้มน้ำจิ้ม
ตรงกลางเป็นหนังปลาปักเป้า กรุบๆอร่อย
รสชาติ เนื้อสัมผัส Texture ดีทีเดียว ไม่คาว รสออกไปทางจืด
อันนี้อร่อยมากไข่ตุ๋นใส่หนังปลาปักเป้า พูดแล้วน้ำลายไหล
ปลาปักเป้าทอด รสเหมือนไก่ทอดมากๆ ไม่บอกไม่เห็นก้างไม่เห็นกระดูกนีแทบไม่รู้เลย
หม้อไฟปลาปักเป้า
น้ำซุปที่เหลือเนื้อที่เหลือเอาไปทำเป็นข้าวต้ม อร่อย
เมนูเสริม ปลาหมึก สดมากๆเม็ดสีที่ตัวปลาหมึกยังทำงานอยู่เลย
ส่วนที่กินเหลือก็เอาไปผัด เหมาะเป็นกับแกล้มมากๆ
ความรู้สึกกับการกินปักเป้าครั้งแรก ก็อร่อยอยู่แต่ก็ไม่ได้อร่อยพิเศษ
เนื้อรสชาติคล้ายๆไก่ ค่อนข้างจืดมาก ใครกินรสจัดคงไม่ชอบ
ข้อดีคือไม่คาว ใครไม่ชอบกลิ่นคาวปลากินได้สบายๆแน่นอน
กินแบบปลาดิบ กรุบกรับ อร่อย เข้ากับเครื่องเคียง กินสุกนี่แทบไม่ต่างจากไก่ กินไก่ถูกกว่า
ถ้าถามว่าถ้ามีโอกาสจะกินอีกไหม บอกเลยว่ากินแน่นอน แต่ไม่ถึงขนาดที่ต้องไปขวนขวายหาทางกิน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)